วิชิต ทวียนตการ

             เรื่องความรักรถ รักเครื่องยนต์ ผมมีมาตั้งแต่เด็กๆ เพราะพ่อทำอู่รถยนต์ ส่วนแม่ทำร้านจำหน่ายยางรถยนต์ ซ่อมช่วงล่าง ตั้งศูนย์ และซ่อมเครื่องยนต์ ผมก็เลยคุ้นเคยกับรถมาตั้งแต่เด็ก จำได้ว่าตอน 5-6 ขวบ ก็เริ่มทำงาน ทำทั้งก่อนและหลังไปโรงเรียน ทำมาเรื่อยๆ เก็บประสบการณ์เรื่อยๆ ทีนี้พออายุประมาณ 20 ปี ก็เริ่มคิดว่า เราอยากจะมีกิจการเป็นของตัวเอง ก็เลยลองดูเรื่องรถมือสอง ซึ่งตอนนั้นยังไม่เป็นที่นิยม ในกระบี่มีอยู่ไม่เกิน 3-4 เต็นท์ ส่วนผมก็เริ่มจากการไปหารถมือสองดีๆ มาสักคัน ดูแลอย่างดีก่อนจะนำไปจอดขายด้านหน้า ร้านของแม่ เริ่มจากรถหนึ่งคัน ซื้อมาซ่อมบำรุง ขายไปแล้วก็ขยายมาเรื่อยๆ จนด้านหน้าร้านของแม่คับแคบ ผมจึงขอออกมาเปิดกิจการของตัวเองอย่างเต็มตัว นั่นก็คือเต็นท์รถมือสอง “ วิชิต ทวียนตการ”

            แม้จะสะสมความรู้เรื่องเครื่องยนต์และรถยนต์มาตั้งแต่วัยเยาว์ ทว่าเมื่อครั้งที่เริ่มกิจการ คุณแม่ของคุณวิชิตก็ไม่ได้สนับสนุนเต็มร้อย เพราะเห็นว่าเต็นท์รถยนต์มือสองเป็นธุรกิจใหม่ที่ครอบครัวไม่คุ้นเคย และไม่มีประสบการณ์มากเท่าการทำร้านซ่อมรถ แต่ด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจของคุณวิชิตที่ต้องการเปลี่ยนสิ่งที่ชอบคือ รถยนต์ ให้กลายเป็นอาชีพที่ตัวเองรัก คุณวิชิตจึงใส่เกียร์เดินหน้าเต็มสูบ ลุยไปบนถนนสายรถยนต์มือสองอย่างเต็มตัว ตระเวนหารถมือสองสภาพดี ที่ไม่เคยผ่านอุบัติเหตุมาก่อน และเมื่อเน้นย้ำการนำรถคุณภาพที่สุดมาขาย การขยายฐานลูกค้าด้วยการบอกต่อจึงเกิดขึ้น

            ความโชคดีของเต็นท์เราคือการที่กลุ่มลูกค้า แบบบอกต่อเยอะมาก ปัจจุบันแม้เราจะเพิ่งเริ่มต้นทำการขายในโซเซียล แต่กลายเป็นว่ากลุ่มลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการยังคงเป็นกลุ่มลูกค้าแบบบอกต่อในหมู่ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง เขาบอกว่าเชื่อมั่นที่เราหารถดีๆ ให้เขา สำหรับผม ผมจะไม่เอารถที่เกิดอุบัติเหตุ มีอุบัติเหตุหนักมาขาย เมื่อซื้อรถยนต์มือสองมาหนึ่งคัน สิ่งแรกที่ต้องทำคือตรวจเช็คสภาพ ดูช่วงล่าง เปลี่ยนทุกอย่างที่ไม่ดี เรามีทีมช่างของเราคอยซัพพอร์ตอยู่ตลอดคือร้านของแม่ นั่นจึงทำให้เราสามารถดูแลรถทุกคันได้เต็มที่ การันตีได้ว่าคัดสรรเฉพาะรถมีคุณภาพจริงๆ

            และอย่างที่บอกว่าคุณวิชิตไม่เคยมีประสบการณ์ในการขายรถยนต์มือสองมาก่อน ทว่าเหตุผลที่คุณวิชิตกล้าที่จะลองก็คือ ใช้การเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง

            คติในการทำงานอย่างหนึ่งของผมก็คือ ไม่ต้องกลัวการเริ่มทำสิ่งใหม่ๆ หรือกลัวว่าจะทำไม่ได้ ประสบการณ์จะบอกเราเองว่าเราจะต้องจัดการกับสิ่งผิดพลาดนั้นๆ อย่างไร

            มากกว่าการเรียนรู้จากประสบการณ์ คุณวิชิตก็ยังไม่ลืมที่จะนำแนวทางการทำงานของผู้เป็นแม่มาเป็นต้นแบบ โดยเฉพาะเรื่องการเรียนรู้งานทุกอย่าง ทำทุกอย่าให้เป็นไม่เกี่ยงงาน

            แม่จะบอกเสมอว่าการยืมจมูกคนอื่นหายใจอยู่ตลอดมันเหนื่อย เราต้องหัดหายใจเอง ในความหมายของแม่ก็คือทำทุกอย่างให้เป็น ถ้าเราทำไม่เป็น เราจะรู้ไหมว่าอะไรถูก ไม่ถูก จะต้องแก้อย่างไร ลูกน้องออกไปดูรถ แบบนี้ดีไหม แบบไหนไม่ดีเราจะไม่รู้ ซ่อมรถแบบนี้ถูกไหม แบบนี้ใช่ไหม เราเองต้องทำให้เป็นก่อน จึงจะไปสอนคนอื่นต่อได้

            อีกแนวทางการทำงานสไตล์คุณวิชิตที่จะขาดไม่ได้ก็คือ ความจริงใจมี่มอบให้แก่ลูกค้า ซึ่งในกลุ่มรถยนต์มือสองนั้นความไม่จริงใจเป็นสิ่งที่ลูกค้ากลัวที่สุด และเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ลูกค้าหันหลังให้รถยนต์มือสอง ดังนั้น คุณวิชิตจึงขอพิสูจน์ความจริงใจต่อลูกค้าด้วยการมอบความซื่อสัตย์ในการทำงานให้ลูกค้าเสมอมา

            เมื่อก่อน เวลาคนคิดถึงรถมือสองเขาจะคิดถึงเรื่องการย้อมแมว ซึ่งทางเราเองก็อยากจะปรับมุมมองเหล่านี้ แต่การไปบอกอย่างเดียวมันไม่พอ เราก็เลยต้องทำ นั่นคือ การคัดสรรรถคันที่ดีที่สุดให้ลูกค้าเท่านั้น และเมื่อรถเราดี ลูกค้าก็จะบอกต่อ และกลับมาหาเรา ซึ่งนี่คือหลักการทำงานของเรา